วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Vernacular Architecture Trip__kmitl2010 season2

Vernacular Architecture Trip __ทริปตะลุยเมืองเหนือ 9 วั

วันที่ 1 >>> วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม 2553

เริ่มออกเดินทางจากพระจอมเกล้าลาดกระบังแต่เช้ามุ่งหน้าขึ้นสู่จังหวัดทางภาคเหนือของไทย


สถานที่ จ. อุทัยธานี จ.กำแพงเพชร และ จ. ลำปาง

บ้านเรือนแพ จ.อุทัยธานี

บ้านเรือนแพหลากหลายหลังตั้งลอยอยู่ริมแม่น้ำ ซึ่งเป็นจุดรวมของแม่น้ำสองสาย คือ สะแกกรังบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยา มีการอยู่อาศัยกันเป็นชุมชนเรือนแพมาหลายชั่วอายุคน มีวิถีชีวิตริมน้ำที่โดดเด่น มีการจัดพื้นที่ใช้สอยในบ้านต่างออกไปจากบ้านที่ตั้งอยู่บนบก ข้อโดดเด่นมีอากาศเย็นสบายและมีการจัดพื้นที่ใช้สอยที่กระชับเหมาะสมกับพื้นที่ที่มีอยู่จำกัด จากนั้นเราจึงเดินทางมุ่งหน้าต่อไปจังหวัดกำแพงเพชร เพื่อรับประทานอาหารเย็นแล้วจึงมุ่งหน้าเข้าสู่นครลำปาง

นอกรอบ วันนี้เป็นวันที่นั้งรถนานมาก แต่ก็ได้กินข้าวมันไก่อร่อยๆที่อุทัยธานี ถึงลำปางก็ตีหนึ่งกว่าแล้ว เกือบจะหลับ แต่พอถึงห้องกลับเจอตุ๊กแกยักษ์ จะหลับก็หลับไม่ลง

วันที่2 >>> วันอาทิตย์ที่ 25กรกฎาคม 2553

สถานที่ จ.ลำปาง

วัดไหล่หินหลวง อ.เกาะคา จ.ลำปาง


วัดไหล่หินหลวง เป็นโบราณสถานที่ประกอบด้วยองค์ธาตุเจดีย์ ซุ้มประตูโขง และวิหารโบราณ สร้างในสมัยพระนารายณ์มหาราช มีครูบามหาป่าเจ้าและเจ้าฟ้าเมืองเชียงตุงร่วมสร้าง มีศิลปะปูนปั้นสกุลช่างลำปาง ตลอดจนอุโบสถหลังเล็กประดับด้วยลวดลายไม้ฉลุและแก้วสีต่าง ๆ ซุ้มประตูโขงมีประติมากรรมรูปสัตว์ต่าง ๆ ในป่าหิมพานต์ ช่องประตูมีขนาดเล็กสร้างเพื่อให้มีการเข้าออกได้เพียงครั้งละหนึ่งคน

วัดพระธาตุลำปางหลวง อ.เมือง จ.ลำปาง


ตัววัดตั้งอยู่บนเนิน
สูง มีการจัดวางผัง และส่วนประกอบของวัดสมบูรณ์แบบที่สุด มีสิ่งก่อสร้าง และสถาปัตยกรรมต่าง ๆ บริเวณพุทธาวาสประกอบด้วย องค์พระธาตุลำปางหลวงเป็นประธาน มีบันไดนาคนำขึ้นไปสู่ซุ้มประตูโขง ถัดซุ้มประตูโขงขึ้นไปเป็น วิหารหลวง บริเวณทิศเหนือขององค์พระธาตุมีวิหารบริวารตั้งอยู่คือวิหารน้ำแต้ม และ วิหารต้นแก้ว ตะวันตกขององค์พระธาตุประกอบด้วย วิหารละโว้ และ หอพระพุทธบาทด้านใต้มี วิหารพระพุทธ และ อุโบสถ ทั้งหมดนี้จะแวดล้อมด้วยแนวกำแพงแก้วทั้งสี่ด้าน นอกกำแพงแก้วด้านใต้มีประตูที่จะนำไปสู่เขตสังคาวาส

วัดปงยางคก อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง

สิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นของที่นี่ คือวิหารพระนางจามเทวี อายุพันกว่าปี ลักษณะของการก่อสร้างเป็นศิลปะสถาปัตยกรรมแบบลานนา ยุคหริภุญไชยสกุลช่างเขลางค์ วิหารนี้เป็นวิหารขนาดเล็ก ลักษณะทั่วไปของวิหาร เป็นวิหารโถงทำด้วยไม้ ตอนล่างเปิดโล่งตลอดไม่มีประตูและหน้าต่าง ตอนสุดท้ายของวิหารมีผนังก่ออิฐฉาบปูนทึบสามด้าน หลังคาสองชั้น เป็นแบบฉบับของลักษณะสถาปัตยกรรมภาคเหนือ

ฐานพระวิหารสูงจากพื้นดินหนึ่งฟุต เดิมคงสูงประมาณสามศอกเศษ แต่เนื่องจากมีน้ำหลากพาดินจากที่อื่นมาท่วมทับถมทุกปีเป็นเวลาพันกว่าปีมาแล้ว และเนื่องจากการขนทรายเข้าวัดตามประเพณีก่อพระเจดีย์ทราย จึงทำให้ฐานพระวิหารสูงหลือเพียงหนึ่งฟุต

โครงสร้างภายในทั้งหมด แต่งลายรูปต่าง ๆ มีการเขียนน้ำรักปิดทองบนพื้นสีแดง เสาพระวิหารประดับด้วยลายเขียนศิลปะแบบพื้นเมืองที่ เขียนด้วยรักปิดทอง

บ้านชาวบ้าน

บ้านไม้ยกใต้ถุนสูง มีการใช้ประโยชน์จากใต้ถุน มีลานดินโล่งหน้าบ้าน มักนิยมปลูกต้นไม้ จัดเป็นสวนเล็กๆไว้ตามทางขึ้นสู่ตัวบ้าน

นอกรอบ ตื่นเช้ามาด้วยเสียงร้องปลุกของตุ๊กแก หลังจากปิดปากเงียบมาทั้งคืน ตื่นเช้ามากินข้าวซอยชามแรกในชีวิต ถือเป็นการเริ่มต้นการตะลุยเมืองเหนือที่ดี ตกเย็นกลับโรงแรมมาผวาตุ๊กแกในห้องน้ำอีกครั้ง

วันที่3 >>> วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม 2553

วัดสุชาดาราม พระแก้วดอนเต้า อ.เมือง จ.ลำปาง

วัดสุชาดารามมีพระเจดีย์ใหญ่ทรงล้านนา มีมณฑปยอด ปราสาทแบบพม่าที่ประณีตงดงาม มีพระวิหารทรงล้านนาที่มีรูปทรงงดงาม มีลวดลายแกะสลักไม้ที่บานหน้าต่าง ข้างในมีจิตรกรรมฝาผนัง มีพระอุโบสถทรงล้านนาขนาดกะทัดรัด มีสัดส่วนสวยงาม

วัดพระแก้วดอนเต้าเจดีย์ มีเจดีย์ทรงลังกาสุโขทัยผสมล้านนา ฐานสูงต่อมุมลดชั้นสูงกว่าปกติ สัดส่วนของเจดีย์มีลักษณะมั่นคงแข็งแรง และยังมีมณฑปปราสาทพม่า อยู่ทางทิศใต้ขององค์เจดีย์ เป็นมณฑปหลังคายอดศิลปะพม่า ประดับลวดลายไม้ และแผ่นแกะสลัก ภายในมณฑปเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปิดทอง และประดับกระจกสีมีความวิจิตรสวยงามมาก

โดยแต่เดิมวัดพระแก้วดอนเต้ากับวัดสุชาดารามเป็นคนละวัด แต่ตั้งอยู่ติดกัน ต่อมาภายหลังได้รวมเป็นวัดเดียวกัน

วัดข่วงกอม อ.แจ้ซ้อง จ.ลำปาง

วัดเก่าแก่อายุกว่า 200 ปี สร้างโดยครูบาศรีวิชัย เดิมมีสภาพทรุดโทรม จึงเกิดการร่วมแรงร่วมใจระหว่างชาวบ้าน ช่างฝีมือท้องถิ่นและสถาปนิก คือ ดร.วทัญญู ณ ถลาง โดยออกแบบวัดข่วงกอมใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่โบสถ์ ศาลาราย หมู่กุฏิ ซุ้มประตูโขงและภูมิทัศน์แวดล้อม โดยยังคงเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมล้านนาเดิมของท้องถิ่น ก่อสร้างด้วยวัสดุพื้นบ้านและภูมิปัญญาท้องถิ่นนำมาประยุกต์กับเทคโนโลยีสมัยใหม่

อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อง อ.แจ้ซ้อง จ.ลำปาง
จุดเด่นของอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน คือ น่ำตกแจ้ซ้องและน้ำพุร้อน เป็นน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ประกอบด้วยบ่อเล็กบ่อน้อยถึง 9 บ่อ อยู่ในพื้นที่ประมาณ 3 ไร่ มีอุณหภูมิ โดยเฉลี่ยประมาณ 73 องศาเซลเซียส

นอกรอบ วันนี้ได้เที่ยวหลายที่ได้กินข้าวเหนียวหมูทอดอร่อยๆได้ไปลุยท้องนา ลุยลำธารได้ทำอะไรหลายอย่างที่ไม่เคยทำ ได้ไปน้ำพุร้อน ถือเป็นครั้งแรกในชีวิตที่มาเที่ยวน้ำพุร้อน ..มันร้อนได้ใจจริง

บ้านชาวบ้าน

บ้านปลูกสร้างด้วยไม้ยกใต้ถุนสูงไม่มาก มีการมุงหลังคาด้วยสังกะสีและกระเบื้องดินเผา ปลูกบ้านใกล้ท้องนา และมีการปลูกต้นไม้ใหญ่โดยรอบตัวบ้าน


วันที่4 >>> วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม 2553

สถานที่ จ.ลำปาง และ จ.อุตรดิตถ์

วัดปงสนุก อ.เมือง จ.ลำปาง


สิ่งที่แปลกแตกต่างไปจากวัดทั่วๆ ไป ของวัดปงสนุก มีการสร้างวัดบนเนิน ซึ่งเป็นเนินเขาพระสุเมรุจำลอง อันเป็นที่ตั้งของวิหารพระเจ้าพันองค์ สร้างด้วยไม้ในลักษณะมณฑปหลังคาซ้อนสามชั้น บนสันหลังคาเหนือมุขทั้งสี่สร้างปราสาทไม้จำลองขนาดเล็กหุ้มด้วยสังกะสีฉลุลาย สื่อความหมายถึงทวีปทั้งสี่รอบเขาพระสุเมรุ ลักษณะตัวอาคารผสมผสานระหว่างศิลปกรรมล้านนา พม่าและจีน ห้องกลางวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปสี่องค์หันพระพักตร์ออกสี่ทิศประทับนั่งใต้โพธิ์พฤกษ์ทำด้วยตะกั่ว

ด้านล่างของฐานชุกชีประดับลวดลายรูปสัตว์ต่างๆ วิหารหลังนี้สร้างโดยช่างเชียงแสน เลียนแบบหอคำเมืองเชียงเกี๋ยงในสิบสองปันนาประเทศจีน ซึ่งไม่หลงเหลืออยู่แล้วในปัจจุบัน

วัดศรีรองเมือง อ.เมือง จ.ลำปาง

วัดศรีรองเมือง เป็นวัดที่มีความสำคัญทั้งทางด้านประวัติศาสตร์ มีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น มีรูปลักษณ์การก่อสร้างในรูปแบบของพม่าที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2448 ในสมัยที่ลำปางเป็นศูนย์กลางการค้าขาย การทำป่าไม้ ให้ฝรั่งชาติอังกฤษ ที่ได้สัมปทานการทำไม้จากรัฐบาลตัววิหารสร้างด้วยไม้สัก หลังคาจั่วซ้อนกันเป็นซุ้มเรือนยอด เป็นกลุ่มของชั้นหลังคา สวยงามตามแบบศิลปะพม่า มีลายฉลุบนสังกะสี ใช้ประดับบนจั่ว และเชิงชายหลังคา เพิ่มความอ่อนช้อย และสง่างามให้วิหาร เสาไม้ตกแต่งด้วยศิลปะการปั้นรักเป็นลวดลายเครือดอกไม้ ประดับด้วยกระจกสี เฉพาะเสาหน้าพระประธาน จะปั้นรักเป็นรูปเทพารักษ์ คน ยักษ์ วานรและสัตว์ป่าให้เหมือนในป่าหินมพานต์

บ้านชาวบ้าน

บ้านมีการยกใต้ถุนสูง และมีการใช้ประโยชน์จากใต้ถุน มีลานดินโล่งด้านหน้าบ้าน มีการใช้โครงสร้างผสมทั้งเสาที่เป็นปูนและเสาที่เป็นไม้ หลังคามีการมุงด้วยตับจากและสังกะสี มีการปลูกพืชผักสวนครัวโดยรอบตัวบ้าน

นอกรอบ วันนนี้เป็นวันย้ายโรงแรมจากนอนที่ลำปางไปนอนที่สุโขทัย แต่ชีวิตนี้ก็ยังหนีไม่พ้นตุ๊กแก แต่ก็ยังดีที่มันร้องอยู่นอกห้องไม่เหมือนกับโรงแรมเก่า ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าภาคเหนือตุ๊กแกเยอะ หรือดวงเราสมพงกับตุ๊กแก

วันที่5 >>> วันพุธที่ 28 กรกฎาคม 2553

สถานที่ จ.สุโขทัย

อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

พื้นที่โบราณสถานกรุงสุโขทัย ศูนย์กลางการปกครองของอาณาจักรสุโขทัยซึ่งมีอำนาจอยู่บริเวณภาคเหนือตอนล่างของไทยในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18-19 ผังเมืองสุโขทัยมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร กว้างประมาณ 1.6 กิโลเมตร

สรีตภงค์

เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ โดยจะมีการทำทำนบกั้นน้ำเข้าตัวเมือง มีการต่อท่อดินเผาต่อน้ำจากสรีตภงค์มาใส่ในตระพังเก็บน้ำ

วัดมังกร

มีการใช้กระเบี้องเซรามิกในการประดับดกแต่งโบสถ์ ใช้หินศิลาแลงในการก่อสร้าง มีเจดีย์ทรงสุโขทัยรวมกับลังกา มีใบเสมา 2 อัน เป็นวัดปฏิบัติธรรมเนื่องจากตั้งอยู่นอกเมือง

วัดมหาธาตุ และเนินปราสาท

ประกอบด้วย พระวิหารหลวง มีเจดีย์ทรงสุโขทัย ปลายยอดเจดีย์เรียกพุ่มข้างบิณฑ์ เจดีตรงส่วนมุมและส่งนกลางจะมี 2แบบ คือเจดีย์ทรงสุโขทัยและ เจดีย์ทรงลังกา

วัดพระพายหลวง

แต่เดิมเป็นชุมชนมาก่อน มีการสร้างด้ายศิลาแลง มีการสร้างตามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ มีความสำคัญเป็นอันดับสองรองจากวัดมหาธาตุ เพราะมีรูปแบบศิลปกรรมตั้งแต่ยุคเริ่มแรกของสุโขทัย และมีการสร้างเพิ่มเติมในสมัยสุโขทัยตอนปลาย ผังบริเวณวัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีคูน้ำล้อมรอบ 3 ชั้น มีปรางค์ศิลาแลง 3 องค์เป็นประธานของวัด หน้าบันประดับลายปูนปั้นเป็นศิลปะสมัยสุโขทัยตอนต้น สันนิษฐานว่าสร้างในราวพุทธศตวรรษที่ 18 เป็นศิลปะขอมสมัยบายน (รัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7) บริเวณหน้าปรางค์มีวิหารที่เหลือเพียงเสาใหญ่ศิลาแลง ถาวรวัตถุที่สร้างเสริมต่อขยายออกไปทางด้านหน้าของพระปรางค์สามองค์ และมณฑปประดิษฐานพระพุทธรูปสี่อิริยาบท ได้แก่ นั่ง ยืน เดิน และนอน

วัดศรีชุม

วัดนี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่ซึ่งมีนามว่า "พระอจนะ"

วัดศรีชุม เป็นโบราณสถานที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือนอกกำแพงเมืองเมืองสุโขทัย ในวัดปรากฏโบราณสถานขนาดใหญ่ลักษณะมณฑปรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่เต็มมณฑป ตัวมณฑปนั้นตั้งอยู่บนฐานสูง ด้านหน้าเปิดเป็นช่องเห็นพระพักตร์พระพุทธ

วัดศรีสวาย

วัดศรีสวาย ตั้งอยู่ห่างออกไปทางตอนใต้ของวัดมหาธาตุ เป็นโบราณสถานสำคัญที่ตั้งอยู่ในกำแพงแก้ว ประกอบด้วยปรางค์ 3 องค์ รูปแบบศิลปะลพบุรี ลักษณะของปรางค์ค่อนข้างเพรียว ตั้งอยู่บนฐานเตี้ย ๆ ลวดลายปูนปั้นบางส่วนเหมือนลายบนเครื่องถ้วยจีน สมัยราชวงศ์หยวน มีการพบทับหลังสลักเป็นรูปนารายณ์บรรทมสินธุ์ ชิ้นส่วนของเทวรูป และศิวลึงค์ที่แสดงให้เห็นว่าเคยเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดูมาก่อน แล้วแปลงเป็นพุทธสถานโดยต่อเติมวิหารขึ้นที่ด้านหน้า แล้วเป็นวัดในพุทธศาสนาภายหลัง

วัดศรีสวาย เดิมเป็นเทวสถานในศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู ลักษณะเป็นปรางค์สามยอดแบบขอม มีคูน้ำล้อมรอบปรางค์สามองค์ โบราณสถานดังกล่าวนี้มีที่มาจากทรงปราสาทแบบขอม แต่ได้รับการดัดแปลง ปรางค์วัดศรีสวายจึงแตกต่างจากปรางค์สมัยกรุงศรีอยุธยาซึ่งมีต้นแบบจาก ปรางค์ในศิลปะขอมและคล้ายคลึงแบบขอมมากกว่าปรางค์ในแบบของช่างสุโขทัย

บ้านชาวบ้าน

บ้านเป็นบ้านปลูกสร้างด้วยไม้ มีการบุฝาผนังด้วยไม้ไม่ก้อเป็นสังกะสี มีการมุงหลังคาด้วยสังกะสี และตับจาก บ้านยกใต้ถุนสูงมีการสร้างระนาบนอนในตัวบ้าน มีลานดินหน้าบ้าน รั้วของตัวบ้านมักเป็นรั้วไม้ไผ่ และอาจมีการปลูกพืชผักสวนครัว และไม้เลื้อยไว้ตามรั้วบ้าน

นอกรอบ วันนี้เป็นว้นที่ชอบอีกวันหนึ่งเพราะได้มาเที่ยวโบราณสถาน เป็นครั้งแรกที่มาเที่ยวสุโขทัย ได้รู้เกล็ดความรู้ต่างๆ รู้สึกชอบมากที่สุดในบรรดาทุกๆที่


วันที่6 >>> วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม 2553

สถานที่ อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์

วัดดอนสัก อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์

วัดดอนสักมีความล้ายกับวัดโปงยางคกและมีบานประตู สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย มีลวดลายสวยงาม ติดตั้งเป็นบานประตูสำหรับวิหารวัดดอนสักที่มีสถาปัตยกรรมเชียงแสนปนสุโขทัย

ตัวเสาประตูเป็นลายกนกใบเทศสลับลายกนกก้ามปู บานประตูเป็นไม้แกะสลักทั้งบาน รูปลายกนกก้านขด มีรูปสัตว์หิมพานต์แทรกอยู่ในลวดลายกนกต่าง ๆ มีความอ่อนช้อยสวยงาม โดยบานซ้ายและขวานั้นไม่เหมือนกัน แต่เมื่อปิดบานแล้วลวดลายมีความลงตัวเข้ากันได้สนิท

บ้านชาวบ้าน

บ้านมีการปลูกแทรกตามส่วนผลไม้ มีการปลูกต้นไม้ บ้างก็เป็นป่ารกขนาบทางเดิน นำสายตาเข้าสู่ตัวบ้าน บ้านมีการยกใต้ถุนสูงหนีน้ำ ส่วนหน้าบ้านมีลานดินกวาดเรียบเกลี้ยงใช้ทำกิจกรรมต่างๆและเพื่อป้องกันสัตว์ร้าย มีการปลูกสวนผลไม้หลากหลายชนิดรวมในสวนเดียวกัน เรียกว่า สวนสมรม เนื่องจากดินมีความอุดมสมบูรณ์

นอกรอบ วันนี้เป็นอีกวันที่ฝนตก เปียกปอนกันทั้งวัน แสงในการถ่ายรูปไม่ค่อยจะมี และยังต้องระวังไม่ให้กล้องโดนน้ำ แต่ก็ได้ไปเที่ยวบ้านชาวบ้านได้กินอะไรแปลกๆ ถึงจะเปียกๆแต่ก็สนุกดี

วันที่7 >>> วันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม 2553

สถานที่ อ. ศรีสัชนาลัย จ. สุโขทัย

อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย

วัดเชลียง

เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร สร้างขึ้นเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๗ - ๑๘ โดยวัดนี้เป็นวัดสำคัญในเขตเมืองเชลียงมาแต่เดิม ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองศรีสัชนาลัย ตรงช่วงแหลมโค้งข้อศอกของแม่น้ำยม หันหน้าวัดไปทางทิศตะวันออก และตั้งอยู่นอกกำแพงด้านใต้ของเมืองศรีสัชนาลัย

พระปรางค์ประธาน ก่อด้วยศิลาแลงฉาบแล้วลงสีชาดทับ ลักษณะภายนอกเป็นปรางค์แบบอยุธยา ฐานรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ฐานเขียงขั้นแรกย่อมุมไม้สิบสอง ฐานล่างสุดก่อผนังแบบทึบ เจาะช่องแสงกันอยู่ด้านในสามชั้น (วิหารคด) เรือนธาตุทางด้านหน้าทำเป็นซุ้มโถง มีบันไดขึ้นไปสู่ซุ้มทางด้านหลังพระวิหาร ภายในซุ้มโถงมีสถูปขนาดเล็กรูปดอกบัวตูมประดิษฐานอยู่ อาจเป็นที่บรรจุพระธาตุ ฃ ส่วนบริเวณเรือนธาตุทางด้านหลัง ทำเป็นบันไดขึ้นสู่องค์ปรางค์เช่นเดียวกัน แต่เป็นประตูหลอก ฐานชั้นล่างสุดมีพระสาวกเดินประณมมือประทักษิณ

พระวิหาร ก่อด้วยศิลาแลง ฐานรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นวิหารขนาดหกห้อง มีมุขยื่นออกมาทางด้านหน้า ผนังวิหารเป็นแบบผนังทึบเจาะช่องแสง พระประธานเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ปางมารวิชัย ขนาบด้วยพระพุทธรูปยืนขนาดเล็กทั้งขวาและซ้าย

วัดนางพญา


วัดมีเจดีย์ทรงลังกาประกอบซุ้มเรือนธาตุเป็นประธาน ก่อด้วยศิลาแลงสูงใหญ่ และมีสภาพสมบูรณ์รอบฐานเจดีย์ มีเสาโคมไฟโดยตลอด มีบันไดขึ้นไปบนเจดีย์ และมีวิหารซึ่งขนาดเจ็ดห้อง ซึ่งเป็นผังที่นิยมสร้างกันในแบบสุโขทัยและสถาปัตยกรรมเมืองเหนือ ภายในวิหารตามเสาทุกด้านมีเทพพนมและลวดลายต่างๆ ทำด้วยสังคโลกไม่เคลือบจุดเด่นของวัดนี้คือมีผนังเหลืออยู่ด้านหนึ่งโดยมีลวดลายปูนปั้นผนังดังกล่าวเป็นผนังที่ไม่มีหน้าต่าง แต่มีช่องอากาศตามแบบสุโขทัยและอยุธยาตอนต้น ลวดลายปูนปั้นบนผนังวิหารวัดนางพญาเป็นประติมากรรมสุโขทัยยุคที่ 3 จากทั้งสิ้น 4 ยุค ซึ่งรูปแบบการปั้นในสมัยสุโขทัยยุคที่ 3 นี้เป็นการปั้นที่พัฒนาไปจากศิลปะสุโขทัยแบบบริสุทธิ์ มีความประณีต ประติมากรรมปูนปั้นประดับพุทธสถานเป็นภาพแบบอุดมคติ เพิ่งพัฒนารูปแบบตนเองให้หลุดพ้นไปจากธรรมชาติ

วัดสวนแก้วอุทยานใหญ่

ตั้งอยู่ภายในกำแพงเมืองมีกำแพงศิลาแลงล้อมรอบ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดเจดีย์เจ็ดแถว โบราณสถานที่สำคัญคือ เจดีย์ประธานทรงลังกาตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจตุรัส ก่อด้วยศิลาแลง องค์ระฆังได้พังทลายลง ด้านหน้ามีบันไดขึ้นไปจากมุขหลังของวิหารไปถึงเรือนธาตุเพื่อสักการะพระพุทธรูป ด้านเจดีย์ประธานมีวิหาร มีมุขด้านหน้า และด้านหลัง มีบันไดขึ้น 5 ทาง เสาวิหาร และกำแพงวัดก่อด้วยศิลาแลง

วัดเจดีย์เจ็ดแถว

ตัววัดตั้งอยู่ด้านหน้าวัดช้างล้อม หันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ วัดนี้ มีเอกลักษณ์โดดเด่น เพราะมีเจดีย์แบบต่างๆ กันมากมาย เช่น เจดีย์ประธานรูปดอกบัวตูมด้านหลังพระวิหารซึ่งเป็นศิลปะแบบสุโขทัยแท้ เจดีย์ราย 26 องเจดีย์รายที่วัดเจดีย์เจ็ดแถวมีรูปแบบที่ได้รับอิทธิพลศิลปะจากที่ต่าง ๆหลายแห่ง เช่น ลังกา และพุกามด้านหลังเจดีย์ประธานมีเจดีย์รายที่มีลักษณะเด่น คือฐานเป็นเจดีย์สี่เหลี่ยมจัตุรัส ยอดเป็นทรงกลม ภายในเจดีย์มีซุ้มโถงส่วนซุ้มโถงเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปยืนปูนปั้นมีภาพจิตรกรรมเป็นภาพอดีตพระพุทธเจ้า และเหล่าเทวดากษัตริย์ เจดีย์รายที่มีลักษณะเด่นองค์อีกหนึ่งเรียกว่า เจดีย์ทรงปราสาท คือซุ้มจรนัมด้านหลังของเรือนธาตุ ทำเป็นซุ้มมณฑปมีเรือนยอดข้างบนสูงเป็นซุ้มทางทิศตะวันตกมีพระพุทธรูปปางนาคปรกประดิษฐานอยู่ เป็นพระพุทธรูปปางนาคปรกสมัยสุโขทัยที่สวยงามยิ่ง รวมทั้งหมดแล้ววัดเจดีย์เจ็ดแถวมีเจดีย์รายและอาคารขนาดเล็กแบบต่างๆ กันถึงเกินกว่า 30 องค์ มีกำแพงแก้วล้อมรอบอีกชั้นหนึ่ง ภายนอกกำแพงมีโบสถ์และบ่อน้ำ ซึ่งเดิมมีคูน้ำล้อมรอบ

วัดช้างล้อม

เป็นเจดีย์ทรงลังกาที่ตั้งอยู่บนฐานประทักษิณรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีช้างปูนปั้นเต็มตัวล้อมรอบ รวม 39 เชือก โดยมีซุ้มประตูทั้ง 4 ทิศ ประตูด้านหน้าและประตูด้านหลังเป็นทางเข้าออกก่อเป็นกำแพงศิลาแลงหนามีการเล่นระดับที่ซุ้มประตู สำหรับประตูด้านข้างก่อเรียงอิฐศิลาแลงปิดไว้เป็นประตูตัน มีทางเดินเป็นบันไดขึ้นไปยังชั้นบน ระหว่างช้างปูนปั้นที่ฐานนั้นจะมีเสาประทีปศิลาแลงสลับเป็นระยะ ด้านหน้าช้างแต่ละเชือกจะมีพุ่มดอกบัวตูมปูนปั้นวางตั้งอยู่ เจดีย์ประธานมีบันได 2 ชั้นขึ้นสู่ลานประทักษิณ เหนือฐานประทักษิณมีซุ้มพระพุทธรูปประทับนั่งปางมารวิชัย 20 ซุ้ม

วัดเขาพนมเพลิง

เป็นโบราณสถานที่ ตั้งอยู่บนเขาพนมเพลิง สูงประมาณ 25 เมตร ใกล้กำแพงเมือง ด้านตะวันออกเฉียงเหนือ ทางขึ้นวัดมีสองทาง คือ ทางด้านหน้าวัด และข้างวัดซึ่งทำเป็นบันไดศิลาแลง โบราณสถานที่อยู่บนเนินเขานี้ประกอบด้วย เจดีย์ประธานทรงลังกา ก่อด้วยศิลา และมีวิหารประดิษฐานพระพุทธรูป ส่วนด้านหลังเจดีย์ประธานเมีเจดีย์ราย 3 องค์ และมีทางเดินลงมายังลานกว้างซึ่งมีมณฑปก่อด้วยศิลาแลง ฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสยกพื้นสูง หลังคาโค้งแหลมขนาดใหญ่พอสมควร

วัดเขาสุวรรณคีรี

ตั้งอยู่บนเนินเขาอีกยอดหนึ่งในเทือกเขาเดียวกันกับวัดเขาพนมเพลิงโดยอยู่ทางทิศตะวันตก วัดเขาสุวรรณคีรีมีกลุ่มโบราณสถานที่สำคัญ คือ เจดีย์ประธานทรงระฆังขนาดใหญ่ก่อด้วยศิลาแลง ฐานของเจดีย์ทำสูงขึ้นไปถึง 5 ชั้นและยังมีความสมบูรณ์ค่อนข้างมากเมื่อขึ้นเป็นยังชั้นสูงสุดของฐานเจดีย์ประธานมองไปด้านหลัง สามารถเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยได้ สำหรับลานชั้นต่างๆ ของเจดีย์ประธานมีขนาดกว้างขวางพอสมควรสันนิษฐานว่าใช้สำหรับเป็นลานประทักษิณ โดยมีซุ้มพระทั้ง 4 ด้าน ตรงก้านฉัตรมีพระพุทธรูปปูนปั้นปางลีลารอบก้านฉัตรเช่นเดียวกับวัดช้างล้อม ด้านหน้าเจดีย์ เป็นวิหารขนาด 7 ห้อง ฐานวิหารและเจดีย์รายก่อด้วยศิลาแลง สำหรับด้านหลังเจดีย์ประธานมีเจดีย์ขนาดปานกลางรูปร่างทรงกลมล้อมรอบด้วยแนวศิลาแลง ตรงกำแพงแก้วชั้นในทิศตะวันตกเฉียงใต้ มีรูปยักษ์ปูนปั้นขนาดใหญ่และรูปสัตว์


นอกรอบ วันนี้ได้มาเที่ยวโบราณสถานอีกแล้ว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวันที่สนุก ได้ไปเดินขึ้นเขาไปดูนก ดูวัดต่างๆ ได้ไปเจอวัดสวยๆ ถ้าสุโขทัยไม่โดนปล่อยทิ้งร้างในอดีต ปัจจุบันต้องมีความสวยงามเป็นแน่

วันที่8 >>> วันเสาร์ที่ 31รกฎาคม 2553

อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย

เป็นชุมชนบ้านคนแต่โบราณ มีการสร้างบ้านเป็นห้องแถวไม้สำหรับค้าขาย บางหลังมีการปลูกยื่นลงไปในแม่น้ำลำคลอง ซึ่งในสมัยก่อนมีการขายข้าวทางน้ำ มีการขนส่งด้วยเรือกลไฟ

สนามบินสุโขทัย

เป็นของบริษัท Bangkok Airway มีการนำสถาปัตยกรรมแบบสุโขทัยมาปรับใช้กับอาคารสาธารณะในปัจจุบัน อาคารมีการเปิดโล่งตามศิลปะสุโขทัยโบราณ เพื่อความกลมกลืนและสอดคล้องกับวัฒนธรรมของจังหวัดสุโขทัย และเพื่อต้องการให้นักท่องเที่ยวเห็นถึงความโดดเด่นของความเป็นไทย มีการมุงหลังคาโดยใช้กระเบื้องดินเผา มีการโชว์โครงสร้างหลังคาโดยตัวอาคารสามารถรองรับผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออกอาคารละ 150 คน นอกจากนั้น ภายในโครงการ ยังมีการทำการเกษตรเลี้ยงปศุสัตว์ เพื่อแสดงถึงวิถีชีวิตแบบไทยแก่นักท่องเที่ยว และมีการนำผลผลิตที่ได้นำมาใช้ในโครงการอีกด้วย

นอกรอบ วันนี้เป็นวันที่ได้ไปเที่ยวบ้านอ.ตี๋ ได้กินอาหารอร่อยหลายๆอย่าง ที่คุณลุงคุณป้าอาจารย์ทำมาเลี้ยงพวกหนู ขอขอบพระคุณมากค่ะ ได้ไปดูสนามบินสวยๆ คิดไว้เล่นว่าจะนำเอาแนวความคิดมาใช้กับสถานนีขนส่งบ้าง และยังได้ไปดูโรงแรมหรูๆของสนามบิน อีกด้วย

วันที่9 >>> วันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคม 2553

วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร

ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออก จังหวัดพิษณุโลก เป็นพระอารามหลวง ชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร เป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร เป็นวัดที่มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย มีสถาปัตยกรรมที่เป็นแบบสุโขทัย ประกอบด้วย องค์พระปรางค์ตั้งอยู่ ณ ศูนย์กลางของวัด เป็นพระปรางค์ประธาน รูปแบบของพระปรางค์ เป็นเจดีย์ทรงดอกบัวตูม โดยสร้างครอบพระสถูปเจดีย์ที่สร้างในรัชสมัยของพ่อขุนศรีนาวนำถม เมื่อสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถขึ้นไป ครองราชย์ที่เมืองพิษณุโลก ได้โปรดให้บูรณะพระปรางค์โดยดัดแปลงพระเจดีย์ ได้ให้เป็นรูปแบบพระปรางค์แบบขอมตามพระราชนิยมในสมัย

สุดท้ายนี้การไปทริปเก้าวันครั้งนี้ได้ประสบการณ์อะไรต่างๆมากมาย การรู้จักใช้ชีวิตในการอยู่ร่วมกันกับคนและธรรมชาติ ได้ทำอะไรหลายอย่างที่ไม่เคยทำ ได้กินอะไรหลายอย่างที่ไม่เคยกิน ได้รู้ในส่ิ่งต่างๆที่ยังไม่ สามารถมองความงามที่อยู่ในสิ่งต่างๆรอบตัวได้ชัดเจนขึ้น และการไปทริปครั้งนี้ทำให้ผู้เขียนได้รู้ว่า ตนเองชอบไปเที่ยว สถานที่ที่เป็นโบราณสถาน ชอบรู้เรื่องราวเรื่องเล่า ความเป็นมาในซากอิฐซากปูน ความเชื่อมโยงกับอดีตกับปัจจุบันและอนาคต สุดท้ายขอขอบพระคุณอาจารย์ทุกท่าน ที่ได้พาผู้เขียนไปในที่ต่างๆ ได้ให้ความรู้ผู้เขียนในหลายๆเรื่อง โดยเฉพาะท่านอาจารย์ปู่จิ๋ว ถึงแม้อาจารย์จะมีอายุมากแล้ว แต่อาจารย์ก็ยังสละเวลามาให้ความรู้ มาลำบากกับพวกเรา มาสอนในทุกๆเรื่องให้แก่เราตั้งแต่ปีหนึี่งมาจนถึงปีห้า ขอบพระคุณมากค่ะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น